การปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร ปี 2567

กลุ่มโรงไฟฟ้าภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทฯ รวม 11 แห่ง (สัดส่วนรายได้ร้อยละ 80.06 ของรายได้รวม) ได้มีการประเมินปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรหรือปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการดำเนินงานของตนเองทั้งทางตรงและทางอ้อม (ขอบเขตที่ 1-3) เพื่อประเมินผลการดำเนินงานและวางแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปีต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะความร่วมมือกับคู่ค้าต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อหาหนทางลดก๊าซเรือนกระจก

ตัวชี้วัด หน่วย 2565 2566 2567
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (GHG Scope 1) tCO2e 8,515,787 4,984,325 5,296,098
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (GHG Scope 2) - Location Based tCO2e 31,367 28,363 39,387
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (GHG Scope 2) - Market Based tCO2e 31,367 28,363 39,387
ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ (GHG Scope 3) tCO2e 3,113,000 1,549,089 1,769,016
ปริมาณความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจก (Scope 1&2) ต่อ 1 หน่วยไฟฟ้าสุทธิ (GHG Intensity) tCO2e /MWh 0.4172 0.3874 0.3247

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงไฟฟ้าในประเทศไทยที่อยู่ในขอบเขตรายงาน มีค่าเท่ากับ 0.3247 tCO2e/MWh เมื่อเปรียบเทียบกับค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย (Grid Emission Factor) มีค่าต่ำกว่าและมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 28.9 เมื่อเทียบกับปีฐาน (2558) ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 15 ในปี 2573 เมื่อเทียบกับปีฐาน (ปีฐาน 2558 มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 8,694,192 tCO2e) และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593

การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์

การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในปี 2567 มีอาคารสำนักงานราช กรุ๊ป และโรงไฟฟ้า 7 แห่งที่ดำเนินการ เพิ่มขึ้น 1 แห่งจากปี 2566 คือ โรงไฟฟ้าหินกอง ชุดที่ 1 (ขนาด 700 เมกะวัตต์) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ประเภทพลังความร้อนร่วม ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ตั้งอยู่ในจังหวัดราชบุรี เริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเมื่อเดือนมีนาคม 2567 และได้จัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร เพื่อให้ทราบถึงปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงไฟฟ้าตั้งแต่แรกเริ่มและนำข้อมูลมาใช้กำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในปีถัดไปให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรในปี 2567 ของโรงไฟฟ้าทั้ง 7 แห่ง และอาคารสำนักงานราช กรุ๊ป จะได้รับการทวนสอบและขอความเชื่อมั่นจากผู้ทวนสอบภายนอก รวมทั้งขอการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) การดำเนินการดังกล่าวนี้ ยังเป็นการเตรียมพร้อมรองรับการเปิดเผยข้อมูลภาคบังคับจากกฎหมายในอนาคตด้วย

ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (tCO2e) จากการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (CFO)
โรงไฟฟ้า ทางตรง (ขอบเขตที่ 1)
  • การใช้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซล
  • การใช้เชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะและเครื่องจักรอุปกรณ์อื่น ๆ
  • การใช้หินปูนในระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
  • การรั่วไหลของ SF6 และสารทำความเย็น
ทางอ้อม (ขอบเขตที่ 2)

การใช้กระแสไฟฟ้าจากหน่วยงานต่างๆ

  • การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
  • การไฟฟ้านครหลวง
ทางอ้อมอื่น ๆ (ขอบเขตที่ 3)
  • การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งต้นน้ำ
  • การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งปลายน้ำ
ปี (ปีฐาน) 2565 2566 2567* (ปีฐาน) 2565 2566 2567* 2565 2566 2567*
ราชบุรี 7,128,375
(2558)
6,302,398 2,823,958 1,713,306 27,702
(2558)
22,270 19,965 17,872 2,729,674 1,179,998 949,311
ราชโคเจนฯ 300,854
(2564)
307,544 316,014 328,285 1,069
(2564)
149 32 0 88,316 53,234 54,383
นวนคร 515,185
(2564)
485,947 488,613 476,479 50
(2564)
31 0 0 142,845 89,866 79,363
เบิกไพรฯ - - 261,923 250,735 - - 186 113 - 56,776 56,234
ราช เอ็นเนอร์จี ระยอง - - 211,523 236,046 - - 214 107 - 35,158 49,032
ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี 533,254
(2565)
533,254 474,331 353,952 463
(2565)
463 511 618 140,022 134,057 99,556
หินกอง (ชุดที่ 1)** เริ่มเดินเครื่อง ปี 2567 1,637,017 - 7,818 - 453,817
อาคาร ราช กรุ๊ป 73
(2561)
58 802 76 1,110
(2561)
846 811 849 46 50 2,339
หมายเหตุ * ข้อมูลอยู่ระหว่างการทวนสอบ
** โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกอง (ชุดที่ 1) เริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า และประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในปี 2567
เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกและผลการดำเนินงาน

กลุ่มบริษัทฯ ยังคงร่วมกันทุ่มเทความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง การดำเนินงานที่ก้าวหน้าและเห็นผลเป็นรูปธรรม ได้แก่ การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทน ทั้งจากแสงอาทิตย์ ลม น้ำ และเชื้อเพลิงชีวมวล การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการลดใช้เชื้อเพลิงและพลังงาน การเพิ่มแหล่งดูดกลับและส่งเสริมการรักษาแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม

ความก้าวหน้าการดำเนินงานในปี 2567

การใช้พลังงานทดแทน

ปี 2567 นี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเพิ่มการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทน โดยปัจจุบันสัดส่วนกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนของบริษัทฯ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อยู่ที่ร้อยละ 27.5 (เป้าหมายกำหนดร้อยละ 30 ของกำลังการผลิตรวมภายในปี 2573) ในปี 2567 ปริมาณการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าสุทธิจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนของบริษัทฯ อยู่ที่ 4,307,864 เมกะวัตต์-ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละ 17 ของปริมาณการผลิตสุทธิทั้งหมด

แหล่งพลังงานทดแทน กำลังการผลิตรวม
(เมกะวัตต์)
ปริมาณพลังงานไฟฟ้าสุทธิที่จำหน่าย
(เมกะวัตต์-ชั่วโมง)
เพิ่มขึ้น/
ลดลง
(ร้อยละ)
หมายเหตุ
ตามสัดส่วนการถือหุ้น
1. พลังงานลม 891.75 2,338,581 ลดลง 2% ปี 2567 รับรู้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก
  • 1. โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คาลาบังกา 36.36 MW
  • 2. โรงไฟฟ้าพลังน้ำมินห์ เลือง 14.70 MW
2. พลังงานแสงอาทิตย์ 125.11 156,546 เพิ่มขึ้น 16%
3. พลังงานน้ำ 589.53 1,718,350 เพิ่มขึ้น 6%
4. พลังงานชีวมวล 11.83 94,387 เพิ่มขึ้น 2%
การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

โรงไฟฟ้าทุกแห่งยังคงไม่หยุดยั้งที่จะศึกษาค้นคว้า และปรับปรุงวิธีการปฏิบัติ การใช้เครื่องจักร-อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานในกระบวนการผลิตลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยพลังงานไฟฟ้าที่จำหน่ายลดต่ำลง อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 2 (ทางอ้อมจากการใช้พลังงาน) ให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมที่รับซื้อไฟฟ้าโดยตรงจากโรงไฟฟ้าด้วย

ปี 2567 กลุ่มโรงไฟฟ้ารวม 7 แห่ง และบริษัทฯ (อาคารสำนักงานใหญ่) ได้จัดทำโครงการ/กิจกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้พลังงาน รวม 25 กิจกรรม สามารถลดอัตราการใช้ความร้อนของเชื้อเพลิงได้รวม 80,768 ล้านบีทียู และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้รวม 2,207 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ช่วยให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้รวม 12,936 tCO2e

โรงไฟฟ้า / สำนักงาน จำนวนกิจกรรม/ โครงการ เป้าหมายการลดใช้พลังงาน
(ล้านบีทียู)
เป้าหมายการลดใช้ไฟฟ้า
(กิโลวัตต์-ชั่วโมง)
พลังงานความร้อนที่ลดได้
(ล้านบีทียู/ปี)
พลังงานไฟฟ้าที่ลดได้
(กิโลวัตต์-ชั่วโมง/ปี)
ลดค่าใช้จ่าย
(บาท/ปี)
เงินลงทุน
(บาท)
ลดการปล่อย GHG
(tCO2e)
โรงไฟฟ้าราชบุรี 4 - 57.1 0 1,108,454 3,347,530 0 554
โรงผลิตไฟฟ้านวนคร 1 30,313 0 31,786 - 686,631 - 4,657
โรงไฟฟ้าเบิกไพร โคเจนเนอเรชั่น 2 1,046 3.96 3,545 3,487 823,767 0 521
โรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่น 3 - 400 0 224,937 708,102 1,936,000 112
โรงไฟฟ้าราช เอ็นนอร์จี ระยอง 4 - 640.68 0 640,680 2,562,721 0 320
กลุ่มโรงไฟฟ้าราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี 7 11,202 115.63 7,116 167,696 1,800,829 1,529,623 1,126
โรงไฟฟ้าสงขลาไบโอ แมส 2 75,598 9.13 38,321 9,280 7,557,733 240,000 5,619
อาคารสำนักงาน ราช กรุ๊ป 2 - 41.39 0 52,329 240,285 26,750 26
รวมกลุ่มบริษัทฯ 25 118,159 1,267.89 80,768 2,206,863 17,727,597 3,732,373 12,936
การเพิ่มแหล่งดูดกลับก๊าซเรือนกระจก

ปี 2567 บริษัทฯ ยังคงเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินงานโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (T-VER) ของกลุ่มบริษัทฯ ผ่านโครงการปลูกป่าบกและป่าชายเลน การสนับสนุนการอนุรักษ์ป่าชุมชน เพื่อรับการแบ่งปันคาร์บอนเครดิตจากป่า นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการดูแลและอนุรักษ์ป่าชุมชนทั่วประเทศจากกิจกรรมประกวดป่าชุมชนภายใต้โครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ที่บริษัทฯ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ 2551 การดำเนินการดังกล่าวล้วนช่วยสร้างแหล่งดูดกลับและกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศเพื่อลดความเข้มข้นลงได้เป็นอย่างดี และยังประโยชน์ร่วมในการสร้างความอุดมสมบูรณ์และความสมดุลของระบบนิเวศ ก่อให้เกิดการพึ่งพาอาศัยและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชนและสังคมด้วย

การเพิ่มแหล่งกักเก็บ/ดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มบริษัทฯ

โครงการประเภทป่าไม้ และพื้นที่สีเขียว หน่วยงานความร่วมมือ / เจ้าของโครงการ พื้นที่
(ไร่)
ระยะเวลาคิด
คาร์บอนเครดิต
ปริมาณคาร์บอนเครดิต (tCO2e) การขึ้นทะเบียน/
ขอรับรองเครดิต
ที่คาดว่าจะได้รับ ตลอดโครงการ ที่บริษัทฯ จะได้รับต่อปี
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพภายใต้ความร่วมมือในการพัฒนาโครงการ T-VER พื้นที่ป่าคลองตะเคียน ต.เกษตรสุวรรณ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี กรมป่าไม้ 339 15 ปี
(17/07/67-30/09/82)
4,830.75
(หรือปีละ 322.05 tCO2e)
289.85
(ร้อยละ 90)
คาดว่าจะขึ้นทะเบียนปี 2568
และขอรับรองเครดิต
ปี 2573
โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 113.47 10 ปี
(24/08/66-23/08/76)
3,120
(หรือปีละ 312 tCO2e)
280.8
(ร้อยละ 90)
ขึ้นทะเบียน ปี 2567 และขอรับรองเครดิตปี 2570
โครงการ "การจัดการคาร์บอนเครดิตในป่า เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" พื้นที่ดำเนินโครงการป่าชุมชนบ้านนาเจริญ จ.เชียงราย มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ 1,000 5 ปี
(2565-2570)
(รับซื้อเครดิต 3 ปี
ในปี 2565-2568)
1,653.54
(หรือ ปีละ 551.18 tCO2e)
551.18
(ตามข้อตกลงโครงการ)
ขึ้นทะเบียน ปี 2567 และขอรับรองเครดิตปี 2568
โครงการ "การจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" พื้นที่ดำเนินโครงการในป่าชุมชนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ 10,000 5 ปี (2566-2571)
(รับซื้อเครดิต 3 ปี ในปี 2566-2569)
16,404.21
(หรือ ปีละ 5,468.07 tCO2e)
5,468.07 (ตามข้อตกลงโครงการ) ขึ้นทะเบียน ปี 2567 และขอรับรองเครดิตปี 2569
โครงการอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการจัดการป่าชุมชน 5 แห่ง จ.สระแก้ว จ.ขอนแก่นจ.นครราชสีมา เพื่อลดก๊าซเรือนกระจก กรมป่าไม้ 3,195 15 ปี
(2567-2581)
25,879.5
(หรือ ปีละ 1,725.3 tCO2e)
862.65
(ร้อยละ 50)
คาดว่าจะขึ้นทะเบียนปี 2568 และ
ขอรับรองเครดิต
ปี 2573
โครงการอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการจัดการป่าชุมชน 2 แห่ง จ.แพร่ กรมป่าไม้ 2,500 15 ปี
(2567-2581)
20,250
(หรือ ปีละ 1,350 tCO2e)
675
(ร้อยละ 50)
คาดว่าจะขึ้นทะเบียนปี 2568 และ
ขอรับรองเครดิต
ปี 2573
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด
โครงการปลูกป่าอย่างยั่งยืนโรงไฟฟ้าราชบุรี 47.92 20 ปี
(01/09/62-31/08/82)
1,140
(หรือปีละ 57 tCO2e)
57
(3 ปีแรกได้รับการรับรองแล้ว 390 tCO2e)
ขอรับรองครั้งถัดไปปี 2570
โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (T-VER)
ดาวน์โหลด
การสนับสนุนการเพิ่มแหล่งกักเก็บ/ดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของบริษัทฯ

บริษัทฯ ยังคงสานต่อการสนับสนุนการดำเนินงานของป่าชุมชนทั่วประเทศผ่านโครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชนต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ในปี 2567 บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมการประกวดป่าชุมชน โดยสนับสนุนเงินรางวัลแก่ป่าชุมชนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศระดับประเทศ ป่าชุมชนชนะเลิศระดับภาค และป่าชุมชนดีเด่นด้านการพัฒนา รวม 16 แห่ง ซึ่งเป็นป่าชุมชนที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคกลางและภาคตะวันออก คิดเป็นพื้นที่ป่ารวม 37,062.61 ไร่ ซึ่งสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ประมาณ 233,494 ตัน หรือคิดเป็นปริมาณการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้ 856,146 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ป่าชุมชนเหล่านี้ยังมีศักยภาพในการกักเก็บน้ำในดินและปล่อยน้ำท่า รวมถึงสร้างมูลค่าการให้บริการระบบนิเวศของป่าในด้านความหลากหลายทางชีวภาพได้เป็นอย่างมาก

การสร้างเสริมศักยภาพบุคลากรเพื่อพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ในปี 2567 บริษัทฯ มีการเสริมสร้างทักษะความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปใช้ในกระบวนการทำงานที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ที่จะทวีความเข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนรับผิดชอบในการดำเนินงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของตนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเกณฑ์และเป้าหมายที่ประเทศกำหนด

การศึกษาราคาคาร์บอนภายในองค์กร (ICP)

บริษัทฯ ได้เริ่มศึกษาการกำหนดราคาคาร์บอนภายในองค์กร (ICP : Internal Carbon Pricing) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ทราบราคาคาร์บอนซึ่งจะเป็นต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในอนาคต บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการด้วยการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับแนวคิด วัตถุประสงค์ และประโยชน์ของ ICP ให้กับบุคลากรในระดับบริหารและปฏิบัติการจากทุกสายงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงทำการศึกษาแนวทางการกำหนดราคาคาร์บอน แบบราคาเงา หรือ Shadow Price ข้อมูลราคาคาร์บอนจากแหล่งข้อมูลภายนอก/มาตรฐานสากล (Based on External Resources) ราคาคาร์บอนของกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน (Based on Benchmark Against Peers) และการปรึกษาหารือภายในองค์กร (Based on Internal Consultation) ด้วย ผลการดำเนินงานสรุปได้ดังนี้

การเปิดเผยข้อมูลการจัดการก๊าซเรือนกระจก
การเปิดเผย กลุ่มเป้าหมาย ผลที่ได้รับในปี 2567
การจัดทำรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐาน GRI (GRI Standards 2021) ผู้ถือหุ้น นักลงทุน ผู้มีส่วนได้เสีย ผู้สนใจทั่วไป บริษัทฯ ได้รับความเชื่อมั่น (Assurance Statement) ต่อรายงานความยั่งยืนประจำปี 2567 และตัวชี้วัดสำคัญในมิติด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมตามกรอบการรายงาน GRI Standards 2021
การประเมิน SET ESG Ratings 2024 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้ถือหุ้น นักลงทุน ผู้มีส่วนได้เสีย ผู้สนใจทั่วไป บริษัทฯ ได้รับ SET ESG Ratings ในระดับ AAA โดยอยู่ในกลุ่ม 2 ตามมูลค่าหลักทรัพย์ 30,000 - 100,000 ล้านบาท (เป็นรายชื่อหุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 10)
การประเมิน FTSE Russell (Global Partner ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ผู้ถือหุ้น นักลงทุน ผู้มีส่วนได้เสีย บริษัทฯ ได้เข้าร่วมการประเมินตามคำเชิญของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นปีแรก ผลของทบทวนการประเมินเบื้องต้นและให้ข้อมูลเพิ่มเติมทำให้บริษัทฯ ได้รับคะแนนเพิ่มขึ้น
การเข้าร่วมตอบแบบประเมินความยั่งยืนของ S&P ESG Indices นักลงทุน ผู้มีส่วนได้เสีย บริษัทฯ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมตอบแบบประเมินของ S&P ESG Indices ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

บริษัทฯ ได้รับรางวัลเกียรติคุณ : Sustainability Disclosure Award ประจำปี 2567 จากสถาบันไทยพัฒน์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 จากการเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืน ปี 2567 ได้อย่างสอดคล้องกับเกณฑ์อ้างอิงจาก Ceres-ACCA ทั้งในด้านความสมบูรณ์ (Completeness) ด้านความเชื่อถือได้ (Credibility) และด้านการสื่อสารและนำเสนอ (Communication) ของเนื้อหาที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ