ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
น้ำดิบถือเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญในกระบวนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ มีกระบวนการผลิตแบบการใช้พลังงานความร้อนและความร้อนร่วม คิดเป็นร้อยละ 41.78 จึงมีความต้องการใช้น้ำเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้น้ำต่อหน่วยการผลิต โดยการนำกลับมาใช้ใหม่ พร้อมทั้งลดปริมาณการใช้น้ำ ทั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดแคลนน้ำ และความขัดแย้งกับชุมชนในการใช้น้ำ
การใช้น้ำจะแปรผันตรงตามกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้า กล่าวคือ ความจำเป็นของการใช้น้ำดิบจะมากขึ้นตามการผลิตกระแสไฟฟ้าที่มากขึ้น ดังนั้น โรงไฟฟ้าที่บริษัทฯ มีอำนาจควบคุมการบริหารทั้ง 6 แห่งในประเทศไทย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้ร้อยละ 83.81 ของรายได้ รวมปี 2565 มีการใช้น้ำดิบจาก 3 แหล่ง ได้แก่ ลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และลุ่มแม่น้ำบางปะกง ซึ่งการใช้ประโยชน์หลักๆ ของทั้ง 3 แหล่ง คือ เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร การชลประทาน และอุปโภคและบริโภค
การวิเคราะห์ความตึงเครียดของน้ำ
จากผลการวิเคราะห์และจัดอันดับความตึงเครียดน้ำของสถาบันทรัพยากรโลก (World Resource Institute: WRI, Aqueduct Water Risk Atlas and the WWF: Water Risk Filter) พบว่า ระดับความตึงเครียดของน้ำในลุ่มน้ำแม่กลองจะมีค่าอยู่ในระดับต่ำ ส่วนลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำบางปะกงความตึงเครียดอยู่ในระดับสูง
ปริมาณการใช้น้ำและสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าแบ่งตามระดับความตึงเครียดของน้ำ ปี 2565
แหล่งน้ำ | ระดับความตึงเตรียดของน้ำ | ปริมาณน้ำที่ใช้ต่อหน่วยการผลิต (ลบ.ม./ เมกะวัตต์-ชั่วโมง) |
สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าตามระดับความตึงเครียดของน้ำ | ||
---|---|---|---|---|---|
ต่ำ (10-20%) | ปานกลาง (21-40%) | สูง (41-80%) | |||
แม่น้ำแม่กลอง | โรงไฟฟ้าราชบุรี | - | - | 1.13 | 79.60 |
แม่น้ำแม่กลอง | โรงไฟฟ้าเบิกไพร โคเจนเนอเรชั่น | - | - | 1.49 | 3.24 |
น้ำประปา ที่ผลิตจากแม่น้ำเจ้าพระยา | - | - | โรงผลิตไฟฟ้า นวนคร |
1.55 | 6.22 |
น้ำประปา ที่ผลิตจากแม่น้ำเจ้าพระยา | - | - | โรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่น |
1.36 | 3.88 |
น้ำประปา ที่ผลิตจากแม่น้ำบางประกง | - | - | โรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ ราช เอ็นเนอร์จี ระยอง | 1.33 | 1.62 |
น้ำประปา ที่ผลิตจากแม่น้ำบางประกง | - | - | โรงไฟฟ้าสหโคเจน (ชลบุรี) | 1.78 | 5.45 |
มาตรการการจัดการความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำ
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ บริษัทฯ และโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำบางปะกงจึงได้มีมาตรการในการติดตามและประเมินระดับของแหล่งน้ำดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันผลกระทบและปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใชน้้ำดิบในแหล่งดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการ เพื่อเป็นการติดตาม เฝ้าระวังประเด็นด้านการขาดแคลนน้ำและการแย่งชิงน้ำกับชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรมที่จะส่งผลต่อเนื่องไปสู่ระบบเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชน นอกจากนี้ ยังมีการประชุมหารือ และติดตามแผนการบริหารจัดการแหล่งน้ำกับผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำดิบให้กับโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับโรงผลิตไฟฟ้านวนคร และโรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่น ใช้น้ำประปาจากแหล่งน้ำดิบในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และโรงไฟฟ้าสหโคเจน (ชลบุรี) และโรงไฟฟ้า เน็กส์ซิฟ ราช เอ็นเนอร์จี ระยอง ใช้น้ำประปาจากแหล่งน้ำดิบในลุ่มน้ำบางปะกง ผ่านสัญญาซื้อขายน้ำประปาในระยะยาว ทั้งสองลุ่มน้ำนี้ จัดเป็นพื้นที่ที่มีความตึงเครียดอยู่ในระดับสูง (41-80%) และโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้บริหารจัดการความเสี่ยงด้วยการกำหนดให้ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาต้องจัดหาแหล่งน้ำสำรอง และแหล่งน้ำฉุกเฉินสำหรับรองรับกรณีที่เกิดภัยแล้งหรือขาดแคลนน้ำในแหล่งน้ำหลัก เพื่อให้โรงไฟฟ้ามีปริมาณน้ำดิบเพียงพอสำหรับใช้ในกระบวนการผลิต นอกจากนั้นโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งยังมีมาตรการเพื่อเสริมความมั่นคงของการใช้น้ำเพิ่มเติมอีก ดังนี้
- จัดให้มีบ่อหรือระบบเก็บน้ำสำรองเพื่อให้ใช้ภายในโครงการได้อย่างน้อย 10 วัน
- ติดตั้งระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อนเข้าระบบเพื่อใช้น้ำที่มีอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของการสูญเสียน้ำใช้ในโครงการ
- หมุนเวียนน้ำใช้ในระบบหล่อเย็นของกระบวนการให้ได้จำนวนรอบมากที่สุด
- พิจารณาแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำหรือหมุนเวียนการใช้น้ำภายในโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นนำน้ำฝนกลับมาใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิต หรือน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วนำมาใช้ประโยชน์ เช่น ล้างเครื่องจักรอุปกรณ์ รดน้ำต้นไม้ เป็นต้น
- มีการตรวจสอบสภาพท่อน้ำอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งซ่อมแซมท่อน้ำที่รั่วในทันที เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ
- จัดให้มีโครงการสร้างจิตสำนึกและรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ