บริษัทฯ ตระหนักดีถึงหน้าที่ความเป็นพลเมืองธุรกิจที่จักต้องเคารพสิทธิและสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจและกระบวนการทำงาน ครอบคลุมตั้งแต่การปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ พนักงาน ชุมชน คู่ค้าในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงสภาพการทำงาน และความปลอดภัย เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้นำหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) มายึดถือเป็นกรอบในการแสดงความรับผิดชอบด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ นับตั้งแต่ปี 2565 บริษัทฯ โดยคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบนโยบายสิทธิมนุษยชนและประกาศใช้เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ต่อมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) ทั้งการประเมินความเสี่ยงและการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนโดยผู้เชี่ยวชาญภายนอก การจัดทำรายงานและการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ นอกจากนี้ สิทธิมนุษยชน ยังเป็นประเด็นสำคัญในกลยุทธ์ความยั่งยืนของบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ การละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นศูนย์ ภายในปี 2573 ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานของบริษัทฯ บริษัทย่อย และบริษัทร่วมทุนอื่นๆ ด้วย

นโยบายสิทธิมนุษยชน
ในปี 2565 บริษัทฯ ได้ประกาศใช้นโยบายสิทธิมนุษยชน ที่ได้วางหลักการและแนวปฏิบัติให้มีความสอดคล้องกับหลักกฎหมายภายในประเทศ หลักปฏิบัติที่ดีสำหรับภาคธุรกิจ และหลักการสิทธิมนุษยชนสากลที่สำคัญครอบคลุมถึงปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UDHR) หลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs) กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (UNGC) และปฏิญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ เรื่องหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน
นโยบายสิทธิมนุษยชนดังกล่าวจะใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนและแนวปฏิบัติในการดำเนินงานของบริษัทฯ และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการในทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน หรือแรงงาน ห่วงโซ่อุปทาน ชุมชนและสังคม และบริษัทฯ ยังจะส่งเสริมให้บริษัทร่วมทุน หุ้นส่วนธุรกิจ คู่ค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดำเนินงานบนพื้นฐานของหลักการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยนำนโยบายฉบับนี้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ หรือประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ทำการทบทวนความครบถ้วนและสอดคล้องของนโยบายสิทธิมนุษยชน ที่ได้ประกาศใช้เมื่อปี 2565 โดยอิงกับหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs) และปฏิญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ เรื่องหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน รวมถึงหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องของประเทศ โดยสาระและประเด็นสำคัญยังคงครบถ้วนและเหมาะสมกับบริบทธุรกิจและบริษัทฯ คณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมครั้งที่ 14/2567 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบนโยบายสิทธิมนุษยชน ที่ได้ทบทวนแล้ว โดยประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2565 สำหรับนโยบายดังกล่าว ถือเป็นกรอบปฏิบัติการเคารพสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับพนักงาน ผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่อุปทาน และชุมชน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคาดหวังให้บริษัทร่วมทุน หุ้นส่วนธุรกิจ และคู่ค้าในประเทศและต่างประเทศ แสดงความรับผิดชอบในการเคารพสิทธิมนุษยชนในทุกกระบวนการดำเนินงานอีกด้วย

| หลักปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน |
- ปฏิเสธการจ้างแรงงานเด็ก โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอายุในการจ้างแรงงานตามข้อบัญญัติของกฎหมายคุ้มครองแรงงานของแต่ละประเทศอย่างเคร่งครัด
- ส่งเสริมการจ้างงานอย่างเป็นธรรม โดยปฏิบัติกับพนักงานและลูกจ้างทุกคน รวมทั้งแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นธรรมและโปร่งใสในทุกสถานที่ปฏิบัติงาน การจ้างงานจะระบุข้อกําหนดและเงื่อนไขที่ตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่าย มีการกำหนดอัตราค่าจ้างและสวัสดิการ ระยะเวลาการทำงาน การทำงานล่วงเวลา การทำงานในวันหยุด วันลา วันหยุดและสิทธิประโยชน์อื่นใดไม่น้อยกว่ากฎหมายกำหนด ตลอดจนให้การคุ้มครองสิทธิความเป็นมารดาของพนักงานหรือลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ ให้สิทธิในการลาคลอด รวมระยะเวลาหลังคลอดบุตรและจัดให้ค่าจ้างและ/หรือผลตอบแทนในช่วงการลาคลอดไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งคุ้มครองสิทธิการกลับเข้าททำงานในตำแหน่งเดิมเมื่อสิ้นสุดการลาคลอด
- ไม่ยอมรับการใช้แรงงานบังคับในทุกรูปแบบ โดยการมอบหมายหน้าที่การปฏิบัติงานแก่พนักงาน และลูกจ้างจะพิจารณาจากความสามารถของบุคคลและเห็นชอบร่วมกันทั้งสองฝ่าย บริษัทฯ ไม่ ยอมรับการบังคับใช้แรงงาน แรงงานจากนักโทษ แรงงานทาส และแรงงานในรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการบังคับเพื่อแสวงหาประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งในการดําเนินงาน และในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ
- เปิดโอกาสให้พนักงานและลูกจ้างในการเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ตาม ความสมัครใจ การแสดงความคิดเห็น และแสดงออกใดๆ ที่ไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย และศีลธรรมอันดี
- ส่งเสริมความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในบุคคลและทรัพย์สินของบริษัทฯ และ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องของบริษัทฯ กิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ และห่วงโซ่ อุปทาน เพื่อให้มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่มีความปลอดภัย มีมาตรการและระบบการป้องกันและเฝ้าระวัง ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยโดยให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายด้านความปลอดภัยและชีวอนามัยที่เกี่ยวข้อง มาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และข้อบังคับด้านความปลอดภัยของบริษัทฯ
- ต่อต้านการค้ามนุษย์และการข่มขู่คุกคาม โดยไม่ดำเนินการใดๆ ที่ข้องเกี่ยวกับ การค้ามนุษย์ และการข่มขู่คุกคาม การล่วงละเมิด หรือการใช้ความรุนแรงใดๆ การล้อเลียนหรือการแสดง ความเห็นเกี่ยวกับความแตกต่างของผู้อื่นในลักษณะที่ไม่พึงปรารถนา การคุกคามทางเพศที่แสดงออกทาง พฤติกรรมและวาจา รวมถึงลักษณะที่ส่อถึงการล่วงละเมิดทางเพศ หรือทำให้บุคคลหนึ่งเกิดความอับอายทั้งทาง ร่างกายและจิตใจ อันถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
- เคารพสิทธิของชนพื้นเมือง และขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นในทุกพื้นที่ที่ประกอบกิจการ โดยจะยอมรับ คุ้มครอง และส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีของชนพื้นเมือง มรดกทาง ภูมิปัญญาและวัฒนธรรม สิทธิดั้งเดิม รวมทั้งมรดกทางวัฒนธรรมของคนพื้นเมือง
|
| การบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชน |
- พัฒนาระบบและกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) ภายในบริษัทฯ และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการและห่วงโซ่อุปทาน เพื่อระบุความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ประเมินผลกระทบ และกำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบ รวมทั้งมาตรการเยียวยาและกระบวนการบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสม หรือมีความชอบธรรม หรือได้รับการยอมรับทั่วไป นอกจากนี้ ยังจะจัดให้มีการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน การติดตามการปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชน และการรายงานและเปิดเผยข้อมูลอย่างสม่ำเสมอด้วย
- เปิดรับเรื่องร้องเรียนหรือการรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ทั้งที่เกิดจากกิจกรรมของบริษัทฯ กิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ และ/หรือห่วงโซ่อุปทาน ผ่านช่องทางการร้องเรียนบนเว็บไซต์บริษัทฯ www.ratch.co.th และจะให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองบุคคลที่ร้องเรียนหรือรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ตามมาตรการคุ้มครองที่ระบุในจรรยาบรรณบริษัทฯ
- ปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมองค์กรการเคารพสิทธิมนุษยชนโดยดำเนินการสอดส่องดูแล ไม่เพิกเฉยเมื่อพบเห็นการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน อีกทั้งจะสื่อสารเผยแพร่ ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชนแก่คณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัทฯ กิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ และห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
- ดำเนินการทบทวนนโยบายสิทธิมนุษยชนเป็นประจำทุกปีหรือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ เพื่อให้นโยบายมีความสอดคล้องกับหลักกฎหมาย หลักปฏิบัติสากล และ/หรือ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจอยู่เสมอ
- การละเมิดสิทธิมนุษยชน ถือเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณของบริษัทฯ และนโยบายฉบับนี้ ซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาทางวินัยตามระเบียบของบริษัทฯ และหากการกระทำนั้นเข้าข่ายเป็นความผิดทางกฎหมายอาจจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายด้วย
|
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้กำหนดหลักการพื้นฐานในการเคารพสิทธิของพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียในจรรยาบรรณบริษัทฯ และแนวปฏิบัติไว้ในนโยบายการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ดังนี้
หลักการด้านสิทธิมนุษยชน จรรยาบรรณบริษัทฯ |
แนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน นโยบายการพัฒนาความยั่งยืนองค์กร |
- เจตนารมณ์การปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียตั้งอยู่บนพื้นฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย การให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน และคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
- ปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียภายใต้สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค โดยไม่แบ่งแยกเพศ เชื้อชาติ ภาษา ศาสนา ฐานะทางเศรษฐกิจ สถานะทางสังคม และการศึกษา รวมถึงการให้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง
- การปกป้องสิทธิส่วนบุคคล และการเก็บรักษาข้อมูลความลับ การเข้าถึงข้อมูล การเปิดเผยข้อมูล และการใช้ประโยชน์ข้อมูล ตามความจำเป็นหรือที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
|
- ปฏิบัติต่อพนักงานและลูกจ้างโดยไม่เลือกปฏิบัติ ให้โอกาสอย่างเท่าเทียม มอบหมายงานให้เพียงพอตามความสามารถและผลตอบแทนที่เหมาะสม ห้ามการจ้างแรงงานที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และแรงงานผิดกฎหมาย โดยครอบคลุมถึงพนักงานและลูกจ้างของคู่ค้า และ/หรือ ผู้มีส่วนได้เสีย
- ดูแลและคุ้มครองความปลอดภัยแก่พนักงาน ลูกจ้าง และทรัพย์สินของบริษัทฯ โดยไม่ให้กระทบกับสิทธิและความปลอดภัยของผู้อื่น รวมทั้งปกป้องสิทธิส่วนบุคคล การเก็บรักษาข้อมูลความลับ การเปิดเผยข้อมูลและการใช้ประโยชน์ข้อมูลส่วนบุคคล
- เคารพสิทธิ ให้เกียรติ และปฏิบัติต่อพนักงานและลูกจ้างของบริษัทฯ และคู่ค้า ด้วยความเสมอภาคและคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
|
การตรวจสอบประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD)
ในปี 2565 บริษัทฯ ได้เริ่มลงมือปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชน โดยดำเนินการตรวจสอบด้วยตระหนักว่า สิทธิมนุษยชนเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจให้สำเร็จและยั่งยืน บริษัทฯ จึงได้เริ่มพัฒนาระบบและกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) โดยเริ่มดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Risk Assessment: HRRA) เพื่อระบุประเด็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจริง (Actual) และประเด็นที่มีโอกาสเกิด (Potential) รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ทรงสิทธิของบริษัทฯ
ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มพนักงาน และทบทวนทะเบียนความเสี่ยงของประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ดำเนินการเมื่อปี 2565 ผลปรากฏว่า ระดับความเสี่ยงของประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ พนักงาน คู่ค้า/ผู้รับเหมา ลูกค้า ชุมชน และผู้ทรงสิทธิอื่น ๆ ทั้งหมด ยังคงอยู่ในระดับเดิมและไม่เปลี่ยนแปลง
การตรวจสอบประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านของบริษัทฯ ยึดตามหลักการชี้แนะของสหประชาชาติเกี่ยวกับธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (United Nations’ Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs) ซึ่งเป็นมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล โดยได้ดำเนินการดังนี้
การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Risk Assessment: HRRA)
บริษัทฯ ได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงประเด็นสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ และกิจการที่บริษัทฯ ลงทุน และคู่ค้าในห่วงโซ่ธุรกิจ โดยได้ประเมินทั้งประเด็นที่เกิดขึ้นจริงและที่มีโอกาสจะเกิดขึ้น
วิธีการประเมินความเสี่ยง
- การระบุประเด็น
- ศึกษาประเด็นที่เป็นความเสี่ยงจากกิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ ประเด็นที่เกิดขึ้นกับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันแนวโน้มของโลกด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
- ประเด็นที่มีโอกาสจะส่งผลกระทบต่อผู้ทรงสิทธิและกลุ่มเปราะบางจะถูกระบุเป็นประเด็นความเสี่ยง
- กลุ่มเปราะบาง ประกอบด้วย สตรี สตรีตั้งครรภ์ เด็ก ผู้พิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มเพศทางเลือก (LGBTQI+) คนพื้นถิ่น แรงงานข้ามชาติ พนักงานของบุคคลที่ 3
- การประเมินความเสี่ยงที่มีอยู่ (Inherent Risk)
- ประเมินและจัดลำดับความเสี่ยงที่มีอยู่ ที่ยังคงเสี่ยงต่อมาตรการและการควบคุมที่มีอยู่ของบริษัทฯ
- การประเมินความเสี่ยงที่เหลืออยู่ (Residual Risk)
- ประเมินและจัดลำดับความเสี่ยงที่เหลืออยู่ โดยเป็นความเสี่ยงที่มีการควบคุมและมาตรการจัดการดำเนินการอยู่แล้ว
- การจัดลำดับความเสี่ยง
- จัดลำดับประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูง (Salient Issues) จากประเด็นความเสี่ยงที่เหลืออยู่ที่มีระดับความเสี่ยงสูงสุด (Extreme Residual Risk) และกำหนดแนวทางตอบสนองเพื่อลดระดับความเสี่ยงในอนาคต
กระบวนการประเมินความเสี่ยง
กลุ่มผู้ทรงสิทธิและประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยง
| กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียที่ได้รับการประเมิน |
ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่ประเมินความเสี่ยง |
| พนักงาน |
- สภาพการทำงาน
- สุขภาพและความปลอดภัย
- การเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด
- เสรีภาพในการสมาคม การชุมชนและการเจรจาต่อรองร่วมกัน
- การใช้แรงงานผิดกฎหมาย
|
| คู่ค้า/ผู้รับเหมา |
- สภาพการทำงาน
- สุขภาพและความปลอดภัย
- การเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด
- การเลือกปฏิบัติต่อคู่ค้า/ผู้รับเหมาในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
|
| ชุมชน |
- สุขภาพและความปลอดภัย
- มาตรฐานการครองชีพในชุมชน
- การครอบครองที่ดินและการโยกย้ายถิ่นฐาน
|
| ลูกค้า |
- สุขภาพและความปลอดภัย
- ข้อมูลส่วนบุคคล
|
| ผู้ทรงสิทธิทั้งหมด |
- ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์/ความปลอดภัยของข้อมูล
|
ผลการประเมินความเสี่ยงและมาตรการจัดการ
| ประเด็นความเสี่ยงของบริษัทฯ และกิจการที่มีอำนาจบริหาร |
มาตรการป้องกันความเสี่ยงและผลกระทบ |
| สุขภาพและความปลอดภัยของคู่ค้า/ผู้รับเหมา |
- บังคับใช้จรรยาบรรณคู่ค้าในกระบวนการคัดเลือกคู่ค้า
- กำหนดเงื่อนไขด้านการคุ้มครองแรงงานและมาตรการความปลอดภัยในการจ้างคู่ค้า/ผู้รับเหมาช่วง
- บังคับใช้กฎและระเบียบข้อบังคับด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างเข้มงวด
- กำกับดูแลการทำงานของคู่ค้าโดยใช้ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO14001
- กำหนดเงื่อนไขให้คู่ค้า/ผู้รับเหมาประเมินความเสี่ยงของงานร่วมกับเจ้าของงานหรือเจ้าของพื้นที่ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่จำเป็น รวมทั้งมาตรการเยียวยาเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น
- กำหนดขั้นตอนการขออนุญาตเข้าทำงาน เพื่อใช้ตรวจสอบความครบถ้วนถูกต้องตามเงื่อนไขการขอเข้าทำงาน
- ระบุคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงานเฉพาะด้าน และกฎด้านความปลอดภัยสำหรับการตรวจสอบสภาพความใช้ได้ของเครื่องมือ/เครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อนเข้าปฏิบัติงานและตรวจสภาพแวดล้อมให้พร้อมต่อการทำงาน
- อบรมด้านความปลอดภัยแก่คู่ค้า/ผู้รับเหมา และผู้รับเหมาช่วงก่อนเข้าปฏิบัติงาน
- ตรวจติดตามสภาพการทำงานและการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยของคู่ค้า/ ผู้รับเหมา หากพบความเสี่ยงหรือโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน ให้ผู้ควบคุมงาน หรือ ผู้พบเห็นสั่งหยุดงานทันที เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของคู่ค้า/ผู้รับเหมา
- จัดให้มีกระบวนการ/มาตรการรับเรื่องร้องเรียน และกระบวนการชดเชยหรือเยียวยา
|
| สุขภาพและความปลอดภัยของชุมชน |
- ปฏิบัติตามหลักปฏิบัติของนโยบายสิทธิมนุษยชน จรรยาบรรณบริษัทฯ และมาตรการลดผลกระทบด้านความปลอดภัย สุขภาพ และสิ่งแวดล้อมที่มีต่อชุมชนตามข้อกำหนดใน EIA
- จัดให้มีกระบวนการรับเรื่องร้องเรียน แก้ไข และชดเชยเยียวยาชุมชนกรณีได้รับผลกระทบจากการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มบริษัทฯ
- กำหนดให้หน่วยงานชุมชนสัมพันธ์เป็นช่องทางสื่อสารและสร้างความเข้าใจกับชุมชน
- จัดทำแผนรองรับเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤติ แผนอพยพชุมชน รวมทั้งอบรม ให้ความรู้ชุมชนเกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉิน และสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนในการฝึกซ้อมแผน
- จัดตั้งคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อเป็นเวทีในการปรึกษาหารือกับชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง
- ดำเนินการสำรวจความพึงพอใจของชุมชน และติดตามสถิติการเกิดโรคอันอาจเป็นผลกระทบจากการดำเนินงาน เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง ตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไข EIA/EHIA
- จัดกิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจ และความตระหนักด้านความปลอดภัยแก่ชุมชน
- สนับสนุนเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า (ในประเทศไทย) เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรม/โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน
- กำหนดช่องทางการร้องเรียน และระยะเวลาในการแก้ไขผลกระทบกรณีที่เหตุนั้น เกิดจากการดำเนินงานของโครงการจริง พร้อมสร้างการยอมรับในแนวทางและผลการแก้ไขกับผู้ร้องเรียน
- กำหนดกระบวนการสานสนทนากับชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหา/ชดเชย และเยียวยา
- จัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนโดยรอบโครงการตามความต้องการของชุมชนเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
|
| คุณภาพชีวิตของชุมชน |
| ประเด็นความเสี่ยงของคู่ค้า/ผู้รับเหมาของบริษัทฯ และกิจการที่มีอำนาจบริหาร |
มาตรการป้องกันความเสี่ยงและผลกระทบ |
| ความปลอดภัยและสุขอนามัย ของพนักงานคู่ค้า |
- กำหนดให้ใช้จรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) เป็นแนวทางให้คู่ค้านำไปใช้ในการดำเนินงาน
- กำหนดให้มีประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินคุณสมบัติคู่ค้าในเบื้องต้น
- ดำเนินการประเมินความเสี่ยงคู่ค้า และจัดกลุ่มคู่ค้าตามระดับความสำคัญของคู่ค้า (ประเมินจากมูลค่าและความสามารถในการหาคู่ค้ารายอื่นทดแทน) และระดับของความเสี่ยงด้าน ESG ในมิติสังคม โดยทำการประเมินระดับความเสี่ยงในประเด็นด้านสุขภาพและความปลอดภัย และสิทธิมนุษยชน
- ตรวจสอบ/ทวนสอบการดำเนินงานด้าน ESG ของคู่ค้า (Onsite/Online) สำหรับคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงในด้าน ESG
- จัดให้มีการประเมินความเสี่ยงของงานร่วมกับคู่ค้า การขออนุญาตเข้าทำงานและการปฐมนิเทศคู่ค้าก่อนเริ่มเข้าทำงาน
- กำหนดเงื่อนไขการใช้อุปกรณ์ป้องกันด้านความปลอดภัยไว้ในสัญญาจ้าง
- กำหนดให้คู่ค้าจัดทำประกันภัยแก่พนักงานคู่ค้าที่ต้องทำงานที่มีความเสี่ยงสูง
- กำหนดให้คู่ค้าต้องแสดงผลการตรวจสุขภาพ และใบอนุญาตการทำงานในที่อับอากาศ การทำงานที่สูง การทำงานที่เกี่ยวกับความร้อน หรืองานอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
- กำหนดให้มีการประเมินความเสี่ยงของงานทุก 2 ปี หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนหรือกิจกรรมงาน
- นำมาตรการความปลอดภัยสากลมาใช้บังคับในการทำงาน ได้แก่ Stop Work Authority, Log-out/Tag-out: LOTO
- นำมาตรฐาน ISO 45001 มากำกับการทำงานกรณีที่โครงการนั้น ๆ มีการขอรับรองระบบ
- กำหนดเงื่อนไขในสัญญาจ้างให้คู่ค้ามีการประเมินประเด็นความเสี่ยงด้าน ESG ของผู้รับเหมาช่วง
- ติดตาม/ตรวจสอบการปฏิบัติตามขั้นตอน มาตรการ หรือข้อกำหนดของบริษัทฯ หากพบความเสี่ยงหรือโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน ให้ผู้ควบคุมงานหรือผู้พบเห็น สั่งหยุดงานทันที เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของคู่ค้า/ผู้รับเหมา
|
| ประเด็นความเสี่ยงของกิจการที่ไม่มีอำนาจบริหาร |
มาตรการป้องกันความเสี่ยงและผลกระทบ |
| การปฏิบัติต่อแรงงานและช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน |
- ผู้แทนบริษัทฯ ที่ไปเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในกิจการร่วมค้าเป็นผู้สื่อสารนโยบาย/ หลักปฏิบัติของบริษัทฯ ให้กิจการร่วมค้าทราบ เพื่อให้พิจารณานำไปใช้ปฏิบัติ
- จัดให้มีกระบวนการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในขั้นตอนของการพัฒนาธุรกิจ/การพิจารณาความเหมาะสมในการลงทุน
- กำกับติดตามการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนของกิจการร่วมค้า ผ่านทางสายงานบริหารสินทรัพย์ และผู้แทนบริษัทฯ ที่ไปเป็นกรรมการในกิจการร่วมค้า
- ประสานงานและร่วมมือกับกิจการร่วมค้าเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนและรายงานคณะกรรมการทราบ
- แนะนำให้กิจการร่วมค้าพัฒนากระบวนการตรวจสอบประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (HRDD) และเปิดเผยการดำเนินงานตามหลักปฏิบัติของอุตสาหกรรมและมาตรฐานสากล
|
การจัดการและป้องกันความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
ผลจากการประเมินความเสี่ยง พบว่า ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีนัยสำคัญต่อบริษัทฯ บริษัทย่อย และบริษัทร่วมทุน คือความเสี่ยงเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยของชุมชน พนักงาน และคู่ค้า ซึ่งกิจการที่มีความเสี่ยงในประเด็นดังกล่าว ได้มีการกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมความเสี่ยงไว้อย่างเหมาะสม โดยนำมาปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง การดำเนินงานในปี 2567 สรุปได้ดังนี้
| โรงไฟฟ้าราช โคเจนเนอเรชั่น |
| ผู้ทรงสิทธิ |
คู่ค้า/ผู้รับเหมา |
ชุมชน |
การดำเนินงาน ปี 2567 |
- อบรมด้านความปลอดภัยแก่คู่ค้า/ผู้รับเหมา และผู้รับเหมาช่วงก่อนเข้าปฏิบัติงาน
- กำหนดให้มีการใช้ Work Permit ก่อนเข้าปฏิบัติงาน การใช้อุปกรณ์ PPE และควบคุมสภาพแวดล้อมการทำงานอย่างเหมาะสม
|
จัดตั้งคณะกรรมการการมีส่วนร่วมของชุมชน (ภาครัฐ และภาคประชาชน) เพื่อเป็นเวทีในการปรึกษาหารือกับชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง |
| โรงไฟฟ้าราชบุรี |
| ผู้ทรงสิทธิ |
ชุมชน |
พนักงานของคู่ค้า |
การดำเนินงาน ปี 2567 |
- โครงการ “หน่วยแพทย์เคลื่อนที่” ให้บริการตรวจรักษาโรค ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อเจ็บป่วยและการดูแลสุขภาพแก่ชุมชนรอบพื้นที่โรงไฟฟ้า จำนวน 9 ตำบล โดยมีผู้เข้ารับบริการรวม 2,727 คน
- การอบรมให้ความรู้โรงเรียนโดยรอบโรงไฟฟ้าจัดทำแผนรองรับเหตุฉุกเฉิน ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม และทำการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุอัคคีภัยและอพยพหนีไฟ จำนวน 4 โรงเรียน ใน 4 อำเภอ รอบพื้นที่โรงไฟฟ้า
- การให้ชุมชนมีส่วนร่วมฝึกซ้อมแผนรองรับเหตุฉุกเฉินของโรงไฟฟ้าราชบุรี เช่น การให้ทีมดับเพลิงของเทศบาลในพื้นที่ใกล้เคียงโรงไฟฟ้าเข้าช่วยฝึกซ้อมแผนระงับเหตุฉุกเฉินระดับ 3 และจัดให้มีตัวแทนภาคประชาชนเข้าร่วมสังเกตการณ์ในการฝึกซ้อม
|
นำวิธี Stop Work Authority, Lock-out/Tag-out: LOTO มาบังคับใช้กับการทำงานของคู่ค้า โดยเฉพาะในงานซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่มีจำนวนผู้ปฏิบัติงานของคู่ค้าเข้ามาทำงานในโรงไฟฟ้าค่อนข้างมาก |
ประเด็นสิทธิมนุษยชนในระบบการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้เริ่มนำระบบการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและสังคม มาเป็นเครื่องมือในการจัดการความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในขั้นตอนกระบวนการทำงานของบริษัทฯ บริษัทย่อย และบริษัทร่วมทุนต่างๆ โดยประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ได้ถูกผนวกไว้ในคู่มือและกระบวนการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน เพื่อให้สะดวกต่อการนำไปปฏิบัติใช้ สำหรับประเด็นสิทธิมนุษยชนส่วนใหญ่ จะถูกกำหนดไว้ในกระบวนการประเมินความเสี่ยง
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้จัดอบรมให้ความรู้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับระบบ ESMS และการใช้คู่มือ และกระบวนการปฏิบัติงานสำคัญ รวม 13 เรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนในกลุ่มพนักงาน (Human Rights Impact Assessment)
ในปี 2566 บริษัทฯ ได้ดำเนินการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มพนักงาน เพื่อใช้ยืนยันผลการประเมินความเสี่ยงที่ทำไว้ในปี 2565 การประเมินผลกระทบครอบคลุมพนักงานของบริษัทฯ และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้ทรงสิทธิภายในที่มีความสำคัญเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ การประเมินผลกระทบดังกล่าวถือเป็นการทวนสอบผลการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มพนักงาน และประเมินประสิทธิภาพของมาตรการป้องกันความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่ในปัจจุบัน
การประเมินผลกระทบดำเนินการด้วยการสอบถามความคิดเห็นพนักงานที่ปฏิบัติงานในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขั้นตอนการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนในกลุ่มพนักงาน
ขอบเขตการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนในกลุ่มพนักงาน
การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย: ครอบคลุมพนักงานของบริษัทฯ และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหาร โดยแบ่งเป็นกลุ่มประเภทธุรกิจ 5 กลุ่ม และกำหนดขนาดตัวอย่างที่เหมาะสมตามระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์ เพื่อให้ได้ขนาดตัวอย่างและตัวแทนที่ครบถ้วน ในการสำรวจความคิดเห็นในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้
| กลุ่มธุรกิจ |
จำนวนพนักงาน (คน) |
จำนวนพนักงานที่ตอบแบบสอบถาม (คน) |
| ธุรกิจโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล |
241 |
203 |
| ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน |
105 |
94 |
| ธุรกิจระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน |
10 |
10 |
| ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับไฟฟ้าและพลังงาน |
251 |
214 |
| อาคารสำนักงานใหญ่ |
207 |
124 |
| รวม |
814 |
645 |
ขอบเขตเชิงพื้นที่ : ครอบคลุมพนักงานที่ปฏิบัติงานในประเทศไทย สปป. ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย
ขอบเขตประเด็นการประเมินผลกระทบ : ประเด็นที่ใช้ในการประเมินผลกระทบอ้างอิงตามประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ ที่จัดทำไว้เมื่อปี 2565 และพิจารณาประเด็นความเสี่ยงในบริบทของสากลและบริษัทชั้นนำอื่น ๆ สำหรับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้นำมา ประเมินผลกระทบ มีดังนี้
| ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนของพนักงาน |
ลักษณะผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพนักงาน |
| สภาพการทำงาน |
สภาพการทำงานที่ไม่เหมาะสมและเป็นไปตามกฎหมาย เช่น การทำงานล่วงเวลา เวลาพักผ่อน การหยุดพักผ่อนประจำปี สภาพแวดล้อมการทำงาน เป็นต้น |
| อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน |
ผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยในระหว่างการทำงาน มาตรการความปลอดภัย การตรวจเช็คสภาพเครื่องมือ/อุปกรณ์ หรืออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล |
| เสรีภาพในการสมาคมและการเจรจาต่อรอง |
เสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม เพื่อปกป้องประโยชน์ของพนักงาน |
| การเลือกปฏิบัติและการคุกคาม |
- การเลือกปฏิบัติจากความแตกต่างทางเพศ ศาสนา เชื้อชาติ หรือการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
- การคุกคาม/ล่วงละเมิดทางกาย/ทางวาจา ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง หรือส่งผลทางร่างกายหรือจิตใจ
|
| การจ้างหรือใช้แรงงานผิดกฎหมาย |
การค้ามนุษย์ การใช้แรงงานบังคับ การใช้แรงงานเด็ก |
สรุปผลการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนตามประเด็นความเสี่ยงในกลุ่มพนักงาน
| ประเด็นการประเมินผลกระทบ |
ระดับความเสี่ยง |
| สภาพการทำงาน |
ต่ำ |
| อาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน |
ต่ำ |
| เสรีภาพในการสมาคมและการเจรจาต่อรอง |
ต่ำ |
| การเลือกปฏิบัติและการคุกคาม |
ต่ำ |
| การจ้างหรือใช้แรงงานผิดกฎหมาย |
ต่ำ |
จากการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนกลุ่มพนักงานของบริษัท และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหาร เมื่อปี 2566 ทุกประเด็นมีผลกระทบต่อพนักงานในระดับต่ำ ทั้งเรื่องสภาพการทำงาน สุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน เสรีภาพในการสมาคมและการเจรจาต่อรอง การเลือกปฏิบัติและการคุกคามการจ้าง/ใช้แรงงานผิดกฎหมาย อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้พิจารณาข้อเสนอแนะของพนักงานในประเด็นต่างๆ เพื่อนำมาดำเนินการเพิ่มเติมจากมาตรการป้องกันและควบคุมที่กำหนดไว้ด้วย ซึ่งผลการดำเนินงานปี 2567 สรุปได้ ดังนี้
| ประเด็นข้อเสนอแนะ |
การสื่อสารนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน ผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีส่วนร่วมในการป้องกันไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายในองค์กร |
| การดำเนินงานในปี 2567 |
- ดำเนินการสื่อสารเกี่ยวกับนโยบายสิทธิมนุษยชนให้พนักงานกลุ่มบริษัทฯ ในไทย 3 แห่ง และ สปป.ลาว 3 แห่ง รวม 6 แห่ง ผ่านการประชุม พูดคุย หารือ เพื่อให้ทราบและเข้าใจถึงแนวทางและเป้าหมายการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนและความยั่งยืน เพื่อสร้างความร่วมมือในการป้องกันประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทานของแต่ละธุรกิจ
- เพิ่มความถี่และช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่หลากหลายมากขึ้น และมีภาษาครอบคลุมกับพนักงานในพื้นที่ปฏิบัติการทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสร้างความเข้าใจในทิศทางเดียวกันของพนักงานทั้งกลุ่มบริษัทฯ
- จัดอบรมให้ความรู้สิทธิมนุษยชนแก่พนักงานกลุ่มบริษัทฯ โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรมทั้งสิ้น 24 คน ซึ่งประเด็นสำคัญมุ่งเน้นที่เรื่องความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนสากล หลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNGPs) รวมถึงการบูรณาการจัดการด้านสิทธิมนุษยชนในกระบวนการปฏิบัติงานขององค์กร จากการประเมินผลผู้เข้าอบรมหลังการอบรม มีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นในระดับมากที่สุด ร้อยละ 27.27 ระดับมาก ร้อยละ 54.55 และระดับปานกลาง ร้อยละ 18.18
|
| ประเด็นข้อเสนอแนะ |
การตรวจสอบสภาพการทำงาน การทบทวนค่าจ้าง ค่าตอบแทน สวัสดิการต่างๆ ให้เหมาะสม เสมอภาค และเป็นธรรม สอดคล้องกับลักษณะงาน/การปฏิบัติงานของพนักงานในแต่ละคน และค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง |
| การดำเนินงานในปี 2567 |
- บริษัทฯ ดำเนินการทบทวนและปรับสวัสดิการให้เหมาะสม เสมอภาค เป็นธรรมกับลักษณะงาน/การปฏิบัติงานของพนักงานในแต่ละคน และค่าครองชีพในปัจจุบัน ดังนี้
- ปรับเพิ่มวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้กับพนักงานที่มีอายุงาน 10 ปีขึ้นไป จากปีละ 10 เป็น 15 วัน โดยสามารถสะสมได้รวม 20 วัน
- ขยายวงเงินคุ้มครองด้านทันตกรรม สายตา วัคซีนป้องกันโรค การรักษาด้วยแพทย์แผนไทย/แพทย์ทางเลือก และการรักษาอาการป่วยทางจิตเวชต่างๆ ให้กับผู้ปฏิบัติทุกระดับเพิ่มขึ้นอีก 5,000 บาท/ปี
- ปรับปรุงเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานสำหรับกลุ่มผู้ปฏิบัติงาน ตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการฝ่ายลงมาที่มีลักษณะการบังคับบัญชาและการทำงานที่แตกต่างกันให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น โดยมีสัดส่วนตามความรับผิดชอบในแต่ละระดับ ตั้งแต่ผลการปฏิบัติงานขององค์กร สายงาน ระดับฝ่าย ระดับส่วน บุคคล การมีส่วนร่วม และพฤติกรรม
|
| ประเด็นข้อเสนอแนะ |
สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร เพื่อให้พนักงานเกิดความตระหนักและปฏิบัติงานตามนโยบายด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย สิ่งแวดล้อม และพลังงาน และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของกลุ่มบริษัทฯ อย่างเคร่งครัด |
| การดำเนินงานในปี 2567 |
- เนื่องจากอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความประมาทในการทำงาน กลุ่มบริษัทฯ จึงเน้นย้ำการตรวจสอบความพร้อมของเครื่องจักร-อุปกรณ์ก่อนเข้าปฏิบัติงาน และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) ให้อยู่ในสภาพที่ดี ให้พนักงานพร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอ โดยเปลี่ยนตามรอบระยะเวลาที่สมควร
- ผนวกเรื่องความปลอดภัยเข้าไปเป็นตัวชี้วัดหนึ่งในการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงาน
- จัดการฝึกอบรมความรู้ความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยให้กับพนักงานทั่วทั้งองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มความเข้มข้นและความถี่การอบรมให้กับกลุ่มพนักงานที่ต้องปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงสูง หรือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่ออันตราย
|
| ประเด็นข้อเสนอแนะ |
การปฏิบัติโดยไม่เลือกปฏิบัติและการต่อต้านการล่วงละเมิด และนโยบายความหลากหลายและยอมรับความแตกต่าง รวมถึงสื่อสารช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ให้พนักงานทราบอย่างทั่วถึง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานทุกคนว่า ผู้ร้องเรียนจะได้รับความคุ้มครองและเรื่องร้องเรียนจะได้รับการตรวจสอบและแก้ไขจัดการอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม |
| การดำเนินงานในปี 2567 |
- สื่อสารช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนให้กับพนักงานทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งมาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียนที่ระบุไว้ในจรรยาบรรณบริษัทฯ
- ผ่อนปรนให้ผู้ร้องเรียนไม่ต้องระบุชื่อได้ เพื่อลดความกังวลในผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดเผยชื่อผู้ร้องเรียน
- ปรับปรุงกระบวนการรับข้อร้องเรียนในจรรยาบรรณบริษัทฯ รวมทั้งทบทวนข้อบังคับบริษัทฯ โดยให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนศึกษา ทำความเข้าใจ และลงนามรับทราบทั้งหมด
|
| ประเด็นข้อเสนอแนะ |
การป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพนักงานด้านเสรีภาพในการสมาคม และการเจรจาต่อรอง ด้านการจ้าง/ใช้แรงงานผิดกฎหมาย |
| การดำเนินงานในปี 2567 |
- สนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มกันโดยสมัครใจ ผ่านกิจกรรมในหลากหลายรูปแบบ เช่น ชมรมกีฬา ชมรมดนตรี เป็นต้น
- ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการให้ข้อเสนอแนะผ่านตัวแทนพนักงานในนามคณะกรรมการสวัสดิการฝ่ายลูกจ้าง เพื่อนำเสนอ หารือ และเจรจาต่อรองกับผู้แทนฝ่ายนายจ้างในการปรับปรุง/พัฒนาสวัสดิการที่ยังประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของพนักงานและส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยมีความสุข
|
| มาตรการจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนกลุ่มพนักงาน |
- กำหนดแนวทางการสื่อสารนโยบาย และแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนให้กับพนักงานในกลุ่มบริษัทฯ เพื่อให้เข้าใจเจตนารมณ์ของบริษัทฯ และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
- ส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการป้องกันไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายในองค์กร
- เพิ่มช่องทางการสื่อสารในพื้นที่ปฏิบัติงาน รวมถึงการอบรมความรู้ความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชนให้กับพนักงานทั้งกลุ่มบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง
- กำกับดูแลด้านความปลอดภัยในการทำงาน ทั้งอุปกรณ์ เครื่องมือและสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยกำหนดแผนงานในการตรวจสอบเครื่องจักรอุปกรณ์ และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ให้อยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจสอบสภาพการทำงานของพนักงานและควบคุมให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย และสอดคล้องกับมาตรการความปลอดภัยต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอ
- ฝึกอบรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง
- พัฒนาช่องทางการรับเรื่องร้องเรียน มาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียนอย่างเป็นธรรมและปรับปรุงมาตรการที่เกี่ยวข้องให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและแนวปฏิบัติสากล พร้อมทั้งสื่อสารให้พนักงานทราบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนของบริษัทฯ อันจะช่วยป้องกันการละเมิดด้านการเลือกปฏิบัติการคุกคามต่อพนักงาน ด้านเสรีภาพในการสมาคมและการเจรจาต่อรอง ด้านการจ้าง/ใช้แรงงานผิดกฎหมาย
- กำหนดแนวทางการทบทวนค่าจ้าง ค่าตอบแทน สวัสดิการต่าง ๆ ให้เหมาะสม สอดคล้องกับลักษณะการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคนและสถานการณ์/แนวโน้มทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
|
การเยียวยา
ภายใต้นโยบายสิทธิมนุษยชน บริษัทฯ จะดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งวางมาตรการป้องกันและจัดการความเสี่ยง การติดตาม และการรายงานผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนให้พร้อม เพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารจัดการประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนเกิดประสิทธิผลสูงสุด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังกำหนดให้มีการทบทวนนโยบายสิทธิมนุษยชนเป็นประจำทุกปี รวมทั้งมาตรการแก้ไขปัญหาร้องเรียน และการเยียวยา ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดกลไกการเยียวยาในกรณีที่การดำเนินงานของบริษัทฯ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนของผู้ทรงสิทธิ ครอบคลุม ตั้งแต่ การขอโทษ การให้ความช่วยเหลือ การฟื้นฟู การชดเชยทางการเงิน และ/หรือรูปแบบอื่นๆ การลงโทษ การป้องกันและแก้ไขไม่ให้เกิดซ้ำ
กระบวนการรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหา