ราช กรุ๊ป มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ ที่สอดคล้องและสามารถตอบสนองผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งศักยภาพและความสามารถของบริษัทฯ โดยในด้านสิ่งแวดล้อม เป้าหมายที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญ มีดังนี้

เป้าประสงค์ ภาพรวมการดำเนินงาน
เป้าหมายที่ 12 สร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการบริโภคและผลิตที่ยั่งยืน

เป้าประสงค์ 12.5 ลดการเกิดของเสียโดยการป้องกัน การลด การแปรรูปเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่และการนำมาใช้ซ้ำภายในปี 2573

เป้าประสงค์ 12.6 สนับสนุนให้บริษัทโดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติและบริษัทขนาดใหญ่รับแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนไปใช้และผนวกข้อมูลด้านความยั่งยืนลงในวงจรการรายงานของบริษัทเหล่านั้น

  1. การใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ลดปริมาณของเสียที่แหล่งกำเนิด บริหารจัดการของเสียที่เกิดขึ้นและใช้วิธีการกำจัดที่เหมาะสมและเกิดผลกระทบน้อยที่สุด โดยกำหนดเป้าหมายปริมาณการใช้น้ำดิบต่อหน่วยไฟฟ้าสุทธิที่ผลิตจำหน่ายของโรงไฟฟ้าราชบุรี ลดลงร้อยละ 1 และ รักษาอัตราการใช้ความร้อนจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของแต่ละโรงไฟฟ้าเป็นไปตามที่กำหนด ในปี 2567 ปริมาณการใช้น้ำดิบต่อหน่วยไฟฟ้าสุทธิของโรงไฟฟ้าราชบุรี ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับปี 2566 และอัตราการใช้ความร้อนของโรงไฟฟ้า 4 แห่ง (ร้อยละ 50) เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
  2. สำหรับการลดของเสีย ในปี 2567 โรงไฟฟ้าสงขลาไบโอแมส ได้จัดการของเสียเศษรากไม้ เพื่อนำกลับมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าสงขลาไบโอแมส ได้ร้อยละ 2.5 ส่วนโรงไฟฟ้าแห่งอื่น ๆ ได้เลือกวิธีการกำจัดของเสีย (Disposal) ผ่านบริษัทให้บริการกำจัดของเสียที่ใช้วิธีการ Reuse หรือ Recycle เป็นลำดับแรก ที่เหลือจึงเลือกใช้วิธีการเผาแบบที่ได้พลังงานและไม่ได้พลังงานตามลำดับ โดยหลีกเลี่ยงการนำขยะอันตรายไปฝังกลบ ส่งผลให้ปริมาณขยะอันตรายที่นำไปฝังกลบ ลดลง ร้อยละ 92
  3. จัดทำรายงานความยั่งยืนตามกรอบการรายงานของ GRI เพื่อเปิดเผยการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ พร้อมทั้งขอรับการรับรองความเชื่อมั่นจากผู้ทวนสอบภายนอก เป็นประจำทุกปี
เป้าหมายที่ 13 ปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้น

เป้าประสงค์ 13.3 พัฒนาการศึกษา การสร้างความตระหนักรู้ และขีดความสามารถของมนุษย์และของสถาบันในเรื่องการลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปรับตัว การลดผลกระทบและการเตือนภัยล่วงหน้า

  1. การขับเคลื่อนกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และดำเนินการตามแผนที่นำทางเพื่อลดการปล่อยและเพิ่มการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรของกลุ่มบริษัทฯ ในเรื่องการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ การกำหนดราคาคาร์บอนภายในองค์กร การดำเนินงานตามกรอบ TCFD และการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดของร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การกำหนดหลักปฏิบัติด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน และคู่ค้า โดยประกาศใช้ระเบียบวิธีปฏิบัติงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนยึดถือและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ครบถ้วน ทุกกิจการได้มีการประเมินความเสี่ยง หลักเกณฑ์การขออนุญาตเข้าทำงาน การควบคุมการทำงาน และการตรวจวัดสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ไม่เกิดการบาดเจ็บหรือโรคจากการทำงานทั้งกับพนักงานและคู่ค้า
  2. ความร่วมมือกับชุมชนในการร่วมกันลดปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการส่งเสริมให้ความรู้และสนับสนุนกิจกรรมการดูดกลับก๊าซเรือนกระจก ในปี 2567 ได้สานต่อความร่วมมือกับภาคีต่าง ๆ ในการปลูกป่าบกและป่าชายเลน เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าและแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งการสนับสนุนให้ได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิต รวมทั้งสนับสนุนชุมชนในการอนุรักษ์ป่าไม้ ผ่านโครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ในลักษณะของการเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการ การพัฒนา ฟื้นฟูดูแลรักษาป่าและระบบนิเวศของป่าชุมชน ให้สมบูรณ์ เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจก ช่วยดูดซับฝุ่น และลดความรุนแรงของภัยพิบัติทางธรรมชาติด้วย
เป้าหมายที่ 14 อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเลและทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เป้าประสงค์ 14.2 บริหารจัดการและปกป้องระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบเชิงลบที่มีนัยสำคัญและเสริมภูมิต้านทาน รวมทั้งปฏิบัติการฟื้นฟู เพื่อความอุดมสมบูรณ์และมีผลิตภาพของมหาสมุทร

ความร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน ที่ช่วยลดการพังทลายของชายฝั่ง และสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในจังหวัดจันทบุรี พื้นที่ 113.47 ไร่ โครงการดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนโครงการ T-VER จาก อบก. เมื่อปี 2567 ซึ่งประเมินว่าจะสามารถกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้ 3,120 tonCO2e ตลอดระยะเวลาโครงการ 10 ปี (2566-2576) และยังมีประโยชน์ร่วมในการสร้างความสมดุลระบบนิเวศให้กับสิ่งมีชีวิตชายเลนได้มากขึ้น

เป้าหมายที่ 15 ปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน จัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ต่อสู้การกลายสภาพเป็นทะเลทราย หยุดการเสื่อมโทรมของที่ดินและฟื้นสภาพกลับมาใหม่ และหยุดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

เป้าประสงค์ 15.1 สร้างหลักประกันว่าจะมีการอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการใช้ระบบนิเวศบนบกและในน้ำจืดในแผ่นดิน รวมทั้งบริการทางระบบนิเวศอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป่าไม้พื้นที่ชุ่มน้ำ ภูเขา และเขตแห้งแล้ง โดยเป็นไปตามข้อบังคับภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศ

เป้าประสงค์ 15.2 ส่งเสริมการดำเนินการด้านการบริหารจัดการป่าไม้ทุกประเภทอย่างยั่งยืน หยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า ฟื้นฟูป่าที่เสื่อมโทรม และเพิ่มการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าทั่วโลก

  1. ร่วมมือกับกรมป่าไม้ ดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนผ่านการมีส่วนร่วมในการจัดการป่าชุมชน และความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่รวม 6,034 ไร่ โดยดำเนินการปลูกป่าในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และอนุรักษ์พื้นที่ป่าชุมชน คาดว่าจะสามารถกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้ 23,064.75 tonCO2e ตลอดระยะเวลาโครงการ 15 ปี ซึ่งช่วยให้เกิดการอนุรักษ์และหวงแหนพื้นที่ป่าไม้ สร้างความสมดุลของระบบนิเวศ และประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจให้กับชุมชนควบคู่กันไป
  2. สนับสนุนมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดำเนินการอนุรักษ์พื้นที่ป่าชุมชนร่วมกับชุมชน ในพื้นที่ 11,000 ไร่ เพื่อการจัดการคาร์บอนเครดิตจากป่า และฟื้นฟูรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของป่า ควบคู่ไปกับการสร้างเสริมความเข้มแข็งของชุมชนด้วย