นโยบายป้องกันการนำข้อมูลภายในของบริษัทไปใช้ในทางมิชอบ
ประกาศบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ที่ 10/2565
เรื่อง นโยบายป้องกันการนำข้อมูลภายในของบริษัทไปใช้ในทางมิชอบ
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันการนำข้อมูลภายในของบริษัทของกรรมการ ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงานของบริษัท และผู้เกี่ยวข้อง ไปใช้ในทางมิชอบ เพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือบุคคลอื่น ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และไม่ว่าจะได้รับผลตอบแทนหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผลประโยชน์ของบริษัทลดลง ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของบริษัท รวมถึงเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และแนวปฏิบัติของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศของบริษัทจดทะเบียน การเปิดเผยและรักษาข้อมูลที่มีผลต่อราคาหลักทรัพย์ และการจัดการข้อมูลลับที่มีผลต่อราคาหลักทรัพย์ และมติคณะกรรมการบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในการประชุมครั้งที่ 14/2565 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 กรรมการผู้จัดการใหญ่จึงประกาศนโยบายป้องกันการนำข้อมูลภายในของบริษัทไปใช้ในทางมิชอบ ดังต่อไปนี้
- คำนิยาม
“บริษัท” หมายความว่า บริษัท ราช กรุ๊ป จํากัด (มหาชน)
“กรรมการ ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงาน” หมายความว่า กรรมการ ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานตามระเบียบบริษัทว่าด้วยคณะกรรมการบริษัท และระเบียบบริษัทว่าด้วยการบริหารงานบุคคล
“ข้อมูลภายใน” หมายความว่า ข้อมูลที่ยังมิได้เปิดเผยต่อสาธารณะทั่วไปและถือเป็นข้อมูลสำคัญที่อาจจะมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัท ซึ่งประกอบด้วย ผลประกอบการ การคาดการณ์ผลกำไร การจ่ายเงินปันผล การออกหลักทรัพย์ใหม่ การกู้ยืม การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่อง การซื้อกิจการ การลงทุน การควบรวมกิจการ คดีความที่เป็นสาระสำคัญ มติคณะกรรมการบริษัท เป็นต้น
“ข้อมูลที่เป็นความลับ” หมายความว่า ข้อมูลที่มิใช่ข้อมูลสาธารณะ เป็นข้อมูลที่หากเปิดเผยต่อสาธารณชนหรือตกอยู่ในมือคู่แข่งขันแล้วย่อมก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อบริษัท หรือก่อให้เกิดการลดความสามารถในการแข่งขันของบริษัท
“ผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์” หมายความว่า ผลกระทบที่ทำให้ราคาหลักทรัพย์สูงขึ้น ต่ำลง คงที่ หรือเป็นการพยุงราคาหลักทรัพย์ - บริษัทมีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานที่สำคัญของบริษัทให้สาธารณชนทราบโดยทันทีและอย่างทั่วถึง โดยผ่านสื่อและวิธีการที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลข่าวสารได้เข้าถึงนักลงทุนทุกกลุ่มอย่างถูกต้อง ทันท่วงที และเท่าเทียม
- กรรมการ ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานทุกคนมีหน้าที่ต้องปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทที่ตนทราบหรือรับรู้ เพื่อป้องกันผลกระทบและความเสียหายแก่บริษัท
- ห้ามกรรมการ ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในของบริษัทเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลภายใน ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม และไม่ว่าด้วยวิธีใด แก่บุคคลภายนอก หรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงบุคคลในครอบครัว เพื่อน ญาติพี่น้อง โดยรู้ หรือควรรู้ว่าผู้รับข้อมูลอาจนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ในการซื้อหรือขาย หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ของบริษัทไม่ว่าเพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น
- ข้อมูลภายในและข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัทสามารถให้หรือแบ่งปันแก่บุคคลภายในบริษัทตามความจำเป็นหรือตามความเกี่ยวข้องในการทำงานของบุคคลนั้น ๆ เท่านั้น
- กรรมการ ผู้บริหาร รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งระดับผู้อำนวยการฝ่ายหรือเทียบเท่าขึ้นไปในสายงานบัญชีการเงิน มีหน้าที่รายงานการถือครองหลักทรัพย์ของบริษัท ของตน คู่สมรส บุตร ผู้ที่เกี่ยวข้องและบุคคลที่มีความสัมพันธ์ ตามแบบแสดงข้อมูลการถือหุ้น Strategic Shareholders ของบริษัท เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง และทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของบริษัท ให้รายงานการเปลี่ยนแปลงต่อสํานักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่มีการซื้อ ขาย โอน หรือรับโอนหลักทรัพย์ของบริษัท และรวมทั้งให้รายงานการถือครองหลักทรัพย์ของบริษัทต่อคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำทุกเดือน กรณีผู้ปฏิบัติงานอื่นนอกเหนือจากที่กำหนดในวรรคหนึ่ง หรือคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของผู้ปฏิบัติงานดังกล่าว มีการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของบริษัท ให้ผู้ปฏิบัติงานนั้นรายงานการเปลี่ยนแปลงต่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ภายใน 3 วันทำการนับแต่วันที่มีการซื้อ ขาย โอน หรือรับโอนหลักทรัพย์ของบริษัท
- ห้ามกรรมการ ผู้บริหาร รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งระดับผู้อำนวยการฝ่ายหรือเทียบเท่าขึ้นไป และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าว ตลอดจนบุคคลใดที่ได้รับทราบข้อมูลภายในของบริษัทที่เป็นสาระสำคัญซึ่งมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัท ซื้อขาย หรือแนะนำให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท ในช่วงระยะเวลา 30 วันก่อนที่งบการเงินหรือข้อมูลภายในนั้นจะเปิดเผยต่อสาธารณชน และในช่วงระยะเวลา 24 ชั่วโมงภายหลังจากที่งบการเงินหรือข้อมูลภายในนั้นได้เปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว ตลอดจนช่วงเวลาอื่นที่บริษัทจะกำหนดเป็นครั้งคราว (Blackout period)
- ในกรณีที่ กรรมการ หรือ ผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่ระดับผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่หรือเทียบเท่าขึ้นไป รวมถึง คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าว ประสงค์จะซื้อหรือขายหุ้นของบริษัทให้แจ้งความประสงค์ในการซื้อหรือขายหุ้นดังกล่าวมายังเลขานุการบริษัทล่วงหน้าก่อนการซื้อขายอย่างน้อย 1 วัน
- ห้ามผู้บริหารและส่วนนักลงทุนสัมพันธ์รับนัดหรือตอบคำถามเกี่ยวกับผลประกอบการในอนาคตอันใกล้ให้แก่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ อย่างน้อย 10 วันทำการก่อนวันประกาศผลประกอบการ
- บริษัทจะให้ความรู้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงาน เกี่ยวกับกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บุคคลดังกล่าวยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
- บริษัทจะเก็บรักษารายชื่อบุคคลวงในที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อราคาซื้อขายหลักทรัพย์ และยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ในกรณีที่บุคคลภายนอกมีส่วนร่วมในการทำงานเฉพาะกิจเกี่ยวกับข้อมูลที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน หรืออยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งเข้าข่ายการเก็บรักษาข้อมูลภายในอันอาจมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัท บุคคลเหล่านั้นจะต้องทำสัญญาเก็บรักษาข้อมูลความลับ (Confidential Agreement) จนกว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชน
- บริษัทถือว่าการฝ่าฝืนนำข้อมูลภายในของบริษัทไปใช้แสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบเป็นความผิดทางวินัยตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัท โดยจะพิจารณาลงโทษทางวินัยตามควรแก่กรณีตั้งแต่การตักเตือนด้วยวาจาหรือหนังสือ การภาคทัณฑ์ การงดการขึ้นค่าจ้างและจ่ายโบนัสประจำปี และการเลิกจ้าง นอกจากนี้ผู้ฝ่าฝืนและผู้ที่เกี่ยวข้องอาจมีความรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งตามกฎหมาย
- ให้เปิดเผยสาระสำคัญของนโยบายป้องกันการนำข้อมูลภายในของบริษัทไปใช้ในทางมิชอบในรายงานประจำปีของบริษัทและบนเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ปฏิบัติงาน ผู้บริหาร กรรมการ รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียของบริษัททราบ
จึงประกาศมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2565
กรรมการผู้จัดการใหญ่




